<iframe frameborder="0" height="240" scrolling="no" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http%3A%2F%2Fwww.khaosod.co.th%2Fview_newsonline.php%3Fnewsid%3DTVRNek5qUTVNRGczTmc9PQ%3D%3D%26catid%3D&width&layout=button_count&action=like&show_faces=false&share=true&height=21&appId=554733097876029" style="box-sizing: border-box; border-style: none; border-width: initial; overflow: hidden; height: 21px; width: 150px;" width="320"></iframe>
<iframe frameborder="0" height="240" id="twitter-widget-0" scrolling="no" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.55a4019ea66c5d005a6e6d9d41c5e068.en.html#_=1435472094262&count=horizontal&dnt=false&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fwww.khaosod.co.th%2Fview_newsonline.php%3Fnewsid%3DTVRNek5qUTVNRGczTmc9PQ%3D%3D%26catid%3D&size=m&text=%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%90%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%91%E0%B8%92%E0%B9%82%E0%B8%99%20%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%20%3A%20%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C&url=http%3A%2F%2Fwww.khaosod.co.th%2Fview_newsonline.php%3Fnewsid%3DTVRNek5qUTVNRGczTmc9PQ%3D%3D%26catid%3D&via=KhaosodOnline" style="box-sizing: border-box; position: static; visibility: visible; width: 78px; height: 20px;" title="Twitter Tweet Button" width="320" data-twttr-rendered="true"></iframe>
Font Size

วันที่ 09 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.
จำนวนคนอ่านล่าสุด 11836332 คน
ย้อนไปเมื่อครั้งปี 2485 ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ขึ้นที่เมืองหลวง ด้วยน้ำเหนือที่ไหลบ่ามามากประกอบกับภาวะน้ำทะเลหนุนทำให้ใจกลางของกรุงเทพฯ ต้องจมน้ำไปโดยปริยาย ท่วมหนักถึงขนาดพายเรือเล่นกันกลางลานพระบรมรูปกันเลยทีเดียว เหตุการณ์ในช่วงนั้น วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ ก็ได้จัดสร้าง "พระกริ่ง" ขึ้นเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2485 โดยมี ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) วัดสุทัศน์เป็นประธานในการจัดสร้าง
สำหรับประธานในพิธีเททองและปลุกเสกในครั้งนั้นก็คือ สมเด็จพระสังฆราช (แพ)
ด้วยหวังว่าพุทธคุณของพระกริ่งที่จัดสร้างในครั้งนั้น คงช่วยบรรเทาทุกข์โศกโรคภัยหลังน้ำลดไปบ้าง ในวันทำพิธีนั้นน้ำยังท่วมไม่ถึงบริเวณที่ทำพิธี แต่หลังจากทำพิธีเสร็จสิ้นน้ำก็ท่วมหมดทั่วบริเวณ พระกริ่งที่จัดสร้างในครั้งนั้นจึงถูกขนานนามว่า "พระกริ่งน้ำท่วม"
มาถึงปี 2554 พลังน้ำก็ได้มาเยือนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ท่วมหนักกว่าเดิม ความเดือดร้อนขยายวงกว้างกินเนื้อที่หลายจังหวัด มวลน้ำก็มากบางที่ท่วมมิดหลังคาชั้นสองกันทีเดียว อีกทั้งยังกินเวลานานนับเดือนชาวบ้านบางคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวไปเลยก็มี พอน้ำลดแห้งหายไปโรคภัยไข้เจ็บที่มากับน้ำก็มาก คนบางพื้นที่ต้องลุยน้ำนานๆ โรคก็ถามหา เรียกได้ว่าโรครุมเร้าทั้งกายใจ
ด้วยเหตุนี้ "พระครูวิมลญาณอุดม" หรือ "พระอาจารย์ติ๋ว" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดมณีชลขัณฑ์ จ.ลพบุรี พระผู้ที่ได้ชื่อว่าศึกษาตำราการสร้างพระกริ่งมาอย่างแตกฉาน เล็งเห็นว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ต่างไปจากเมื่อปี 2485 จึงได้ดำริสร้าง "พระกริ่งฐิตวัฑฒโน" ขึ้น เพื่อบรรเทาทุกข์ทั้งทางกายและทางใจให้กับผู้ประสบภัย อีกทั้งยังนำปัจจัยส่วนหนึ่งช่วยฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำท่วมด้วย
ตามตำนานแล้วพุทธคุณของพระกริ่งนั้นเด่นในเรื่องรักษาโรค และความเป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชา บ้างก็ว่าพุทธคุณพระกริ่งนี้ครอบจักรวาล
สำหรับ พระกริ่งฐิตวัฑฒโน วัตถุมงคลที่ พระอาจารย์ติ๋ว ได้จัดสร้างครั้งนี้ ก็สร้างตามตำราที่ศึกษามาทุกประการ อีกทั้งท่านยังได้ประกอบพิธีขอบารมี สมเด็จพระสังฆราช(แพ) ด้วย
พระอาจารย์ติ๋วปลุกเสกเดี่ยวเป็นกรณีพิเศษ พิธีพุทธาภิเษกสมโภช ณ พระอุโบสถมหาอุดวัดมณีชลขัณฑ์ จ.ลพบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 เม.ย.2555 เวลา 14.19 น. และประกอบพิธีเททองพระกริ่งนำฤกษ์ไปก่อนหน้านั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค.2554 ณ วัดมณีชลขัณฑ์
พระกริ่งชุดนี้ประกอบไปด้วย 1.พระกริ่งชุดทองคำ มีทั้งหมด 5 องค์ได้แก่ เนื้อทองคำ, เนื้อเงินก้นทองคำ, เนื้อนวะก้นทองคำ, เนื้อสัมฤทธิ์ก้นทองคำ และเนื้อทองแดงก้นทองคำ 2.พระกริ่งเนื้อเงิน 3.พระกริ่งเนื้อนวะก้นเงิน 4.พระกริ่งเนื้อสัมฤทธิ์ 5.พระกริ่งเนื้อทอง แดง ทุกองค์มีโค้ดและหมายเลขกำกับ
