บทความโดย คุณรณธรรม ธาราพันธ์
หลวงปู่หงษ์ เป็นพระเถระสายวิชาที่มีคุณวิเศษลี้ลับน่าทึ่งใจ แรกผมรู้จักก็ให้เลื่อมใสในจิตตานุภาพของท่านหลายประการ จนได้กล่าวกับเพื่อนว่า ถ้าหลวงปู่หงษ์มีชนมายุอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปี พ.ศ. 2484-2489 ถึงวันนี้แล้วนั้น ท่านจะกลายเป็นตำนานขลังที่เล่าขานกันดุจเทพนิยายไม่รู้จบแน่นอน ไม่ผิดกับ หลวงพ่อเดิม พุทธสโร วัดหนองโพหรือหลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก ทีเดียว
หากเพราะท่านมีวัยอยู่ในยุคแห่งข่าวสารที่หนุนส่งเรื่องท่านมากโข กระทั่งกลายเป็นเรื่องธรรมดา เพราะใครก็รู้ ใครก็หาอ่านได้ง่ายดาย ไม่ต้องไปวัดไปสัมผัสท่านด้วยตนเอง ยังรู้สึกราวกับพบเจอด้วยตัวของตัวมามากครั้ง บางทีเรื่องท่านในหลายสื่อยังเป็นเหตุให้คนไม่ใคร่เลื่อมใส ด้วยเห็นเป็นเรื่องโฆษณาชวนเชื่อ คล้ายสบู่ ยาสีฟัน อย่างนั้นก็มี
ไม่ใช่พูดเอง แต่ผมรู้สึกดังว่ามาเล่าให้ฟัง
ทางเดียวที่จะรู้จักความเป็นหลวงปู่หงษ์ได้คือ จงไปกราบท่านเสีย ได้พูดคุยถามข้อสงสัยซึ่งค้างอยู่ในใจ หลวงปู่จะเมตตาตอบให้อย่างคุยกับลูกหลาน ประทับใจแรกที่ทุกคนสัมผัสคือ เมตตา
พื้นกระดานตรงหน้าหลวงปู่เป็นแผ่นเดียวกัน แม้ว่ามีหลายแผ่น กล่าวดังนี้ เพราะใครที่เข้าพบท่านไม่ว่ายิ่งใหญ่จากมุมใด หรือเล็กจิ๋วแค่ไหน หลวงปู่คงพูดคุยเสมอกันทุกคน นั่งราบพื้นทุกคน ไม่มีเก้าอี้สูงศักดิ์ให้นั่ง แม้องค์ท่านเอง
หลวงปู่สนทนา และบำบัดทุกข์กายทุกข์ใจของศรัทธา โดยไม่ลำดับชนชั้น แลฐานะ หากลำดับการมาก่อนหลังเป็นสำคัญ
ท่านเป็นพระบ้านป่าที่ทรงเมตตาพร้อมอภินิหารแบบที่คนบ้านนอกคอกนาเช่นผมชื่นชมเฉพาะความใจเด็ดที่ประกาศก้องว่า สิ่งใดทำได้ไม่เหลือวิสัย หรือสิ่งใดเกินกำลังจะช่วยเหลือ ท่านไม่เท็จ ตอบให้เห็นว่าข้าแน่ ทำได้ทุกประการที่สูต้องการให้ทำ
หลวงปู่รักษาเอกลักษณ์ของพระขลังแบบโบราณไว้ได้เต็มภูมิ รักษาได้โดยไม่ต้องเล่นละครอะไรต่อญาติโยมด้วยทุกสิ่งออกจากใจธรรมชาติของ ท่าน เป็นตัวตนแท้ของหลวงปู่หงษ์ในทุกกิริยาที่ใครๆ ก็จะได้เห็นเมื่อไปกราบ
หลายคนบ่นถึงขันครูและค่าครูที่ต้องมีเมื่อจะขอความช่วยเหลือ อยากบอกแทนหลวงปู่ว่า นั่นคือคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ท่านที่สืบทอดมา พานครูคงมีเพียงดอกไม้ ธูปเทียน และผ้าสบง หากปัจจัยที่จะใส่ก็สุดแต่ศรัทธา หลวงปู่ไม่เคยกำหนดว่าต้องเท่านี้เท่านั้น อีกทั้งปัจจัยครูก็เข้าสู่การบำรุงสร้างสรรค์เสนาเสนะในวัดไม่ผิดอะไรกับการทำบุญทั่วไป
พระหลายรูปคงประเพณีการเข้าพบแบบโบราณนิยมไว้ คือ ต้องมีดอกไม้ ธูปเทียน แสดงคารวะธรรม เช่น หลวงพ่อสาลีโข, ครูบาเทือง นาถสีโล หรือแม้ฆราวาส เช่น อาจารย์ชุม ไชยคีรี เมื่อจะขอความช่วยเหลือจากท่านๆ ก็ต้องตั้งพานครู
กรุณาเข้าใจว่านี่คือคำสั่งครูที่สืบสานมา ผมไม่เห็นว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาจนไม่อาจทำได้แต่ประการใด หลายคนหมดเงินไปกับการท่องเที่ยว ซื้อเสื้อผ้าแพงๆ หรือดูหนังฟังเพลง เปรียบกับการเข้าพบหลวงปู่แล้วเล็กน้อยเหลือเกิน ซ้ำยังได้รับการช่วยเหลือจากท่านด้วยท่านไม่ตั้งหน้าสูบเงินโยมไปทำจานบินดอก
คราวหนึ่งหลวงปู่เล่าให้ฟังถึงวัยเด็กเมื่อครั้งเป็นเด็กชายหงษ์ อายุประมาณ 14 ปี ท่านได้พบฤาษีนิรนามรูปหนึ่งโดยทางฝัน เมื่อท่านย้ำว่าฝัน ผมกลับนึกถึงคำพูดของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ที่เล่าถึงวัยเด็กเมื่อบรรพชาเป็นสามเณร อายุได้ 14 ปี จิตของท่านดิ่งลงรวมเป็นสมาธิ เข้าใจไปว่าหลับสนิททั้งที่มีความสว่างปรากฏในจิต
กรณีหลวงปู่หงษ์ก็ดังนั้น ผมคิดเอาว่าจิตท่านคงสงบเป็นสมาธิระดับหนึ่ง เมื่อใจว่าง ฤาษีก็เข้ามาหาด้วยบุพพกรรมที่ผูกพันกันมา ฤาษีรูปนั้นสอนวิธีการทำวัตถุมงคลชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นของหาได้ง่ายในโลก แต่ไม่ปรากฏว่าใครที่ไหนในโลกทำกัน
นั่นคือ ‘ ปากกา ’
ปากกาธรรมดานี้แหละเอามาลงพระคาถาสำคัญ และเสกด้วยพระเวทเฉพาะบท ซึ่งฤาษีรูปนั้นสอนหลวงปู่โดยทางนิมิตไว้อย่างครบถ้วน อธิบายถ่ายทอดให้ฟังละเอียด แม้ครั้งนั้นครั้งเดียวหลวงปู่ในวัยเด็กกลับจำได้หมดสิ้นน่าอัศจรรย์
ก่อนพระฤาษีจากไปย้ำเด็กชายหงษ์ถึงวิชาลี้ลับนี้ว่า ห้ามถ่ายทอดใคร ห้ามสอนใครทั้งสิ้น ปล่อยวิชานี้ตายไปกับตัวดุจดัง ‘ตะกรุดนารายณ์แปลงรูป’ ของพ่อท่านนอง ธัมมภูโต ที่ชาววิญญาณพบเห็นท่านแล้วเกิดเมตตาเอ็นดูจึงสอนให้เป็นและด้วยความหวงใน วิชา จึงห้ามขาดมิให้สอนใคร นี่คือเรื่องน่ารู้ซึ่งเราไม่อาจรู้ยิ่งไปกว่าที่รู้
เมื่อผมกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า พระฤาษีรูปนั้นชื่ออะไร ท่านตอบว่า “ไม่รู้ ท่านไม่ได้บอกไว้” แล้วหลวงปู่เรียกท่านว่าอะไร ท่านยิ้ม “อาจารย์ฤาษี” ท่านยังบอกอีกว่าจากวันนั้นจนวันนี้ท่านไม่เคยพบอาจารย์ฤาษีรูปนั้นอีกเลย
ปากกาซึ่งหลวงปู่จะทำให้นั้น ต้องเป็นปากกาที่ด้ามเป็นโลหะ เพราะหลวงปู่จะจารอักขระสำคัญเป็นตัวขอม เป็นพระคาถาเฉพาะที่มีจำนวนมากถึง 108 บท บนด้ามเดียว การจารอักขระนั้นท่านมีท่าทางการจารที่ดูน่ารัก น่าเลื่อมใสมาก วัย 83 ปี ไม่เป็นอุปสรรคที่ต้องใส่แว่นตา หรือมือไม้สั่นจนลงไม่ได้ มือซ้ายถือปากกามั่น มือขวาถือเหล็กจารจรดลงแล้วลากอักขระอย่างต่อเนื่องกันไป แทบไม่ยกเหล็กจารขึ้นเลย สุดด้ามก็หมุนปากกาไปนิดหนึ่ง แล้วลงต่อไปเรื่อยๆ จนครบ 108 บท โดยเส้นสายลายอักขระไม่ทับซ้ำกันเลย
ครั้งหนึ่ง ผมนั่งดูท่านทำปากกาจำนวนหลายสิบด้ามอยู่เงียบๆ ขณะที่จารอยู่นั้น ผมเห็นท่านชะงักนิดหนึ่งเพ่งมองที่อักขระแล้วเอานิ้วโป้งขวาถูๆ วนๆบนตัวขอมแถบนั้นมันจะลบให้ออกทั้งที่มันเป็นโลหะ คล้ายเด็กน้อยเขียนหนังสือผิด แล้วเอายางลบพยายามลบ ชั่วครู่ท่านก็เงยหน้ามองผม แล้วหัวเราะเบาๆ พึมพำว่า “ เขียนผิด ” น่ารักเป็นที่สุด
เมื่ออยู่ในภาวะที่ไม่วุ่นวาย มีบุคคลน้อยจำนวนยิ่งเห็นหลวงปู่หงส์ชัดขึ้นกว่าที่เคยเห็น รู้จักท่านมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น รักอัธยาศัยแลซึ้งกับทะเลเมตตาในท่านที่มีให้อย่างไม่ปรากฏฝั่ง ท่านเหมือนปู่เหมือนทวดที่เอ็นดูลูกหลานโดยไม่จำกัดจำนวน
กระนั้นแม้เราปรารถนาปากกาศักดิ์สิทธิ์ด้ามหนึ่ง ต้องจัดพานครูขึ้นก่อน ซึ่งผู้จัดควรรู้สิ่งของที่ต้องใช้จัด ซึ่งก็ไม่พ้นศิษย์ของท่าน ครั้นได้พานครูแล้วจึงใส่ปัจจัยบูชาครูลงไป จะเท่าใดก็ได้ หลวงปู่ไม่กำหนด แต่ควรคำนึงว่าผู้เฒ่าวัย 80 เศษ นั่งหลังขดหลังแข็งเขียนหนังสือตัวเล็กบนปากกากลมๆ นับสิบด้ามต่อวัน เป็นเราเราจะให้รางวัลตัวเองเท่าใด
เมื่อหลวงปู่จารครบทุกด้ามที่มีในเวลานั้น ท่านจะวางคืนลงบนพานครูที่มาพร้อมแต่ละด้าม ท่านจะขยับพาน (ที่จริงเป็นถาดเล็ก) ทุกใบให้ติดกัน สองมือจับสองพานแรกที่ชิดกับท่าน แล้วเริ่มสวดบทปลุกเสกเป็นการเฉพาะอย่างยาวนาน ซึ่งท่านว่าใช้คาถา 108 บทเสก ในบางทีที่ธาตุขันธ์สมบูรณ์พร้อม ท่านเสกถึง 300 บทก็เคย
เมื่อสร้างขลังที่ไม่เหมือนใครแล้ว พิธีเสกใยต้องเหมือนใครอีก คณาจารย์รูปอื่นเมื่ออธิษฐานเสกย่อมเห็นท่านหลับตาภาวนา จะประนมมือหรือชักประคำก็แล้วแต่ หากหลวงปู่หงษ์กลับมองถาดครูบ้าง มองไปข้างหน้าบ้าง ทางข้างบ้าง ทั้งที่ท่านสาธยายพระเวทไม่ขาดปาก บางคราวยังมองหน้าผู้นั่งเฝ้าใกล้ๆ คนโน้นที คนนี้ทีเล่นเอา งง!
เพื่อนผมสงสัยจนได้เอ่ยถามว่ามันจะขลังไหมเนี่ย? ในเมื่อท่านไม่อยู่ในภาวะของการทำสมาธิเลย แต่ผมเชื่อว่าถ้าจิต “เป็น” แม้ไม่ได้อยู่ในท่านั่งสมาธิ จิตก็ยัง “เป็น” เพราะสมาธิเป็นเรื่องของใจไม่ใช่กิริยา หากถามหลวงปู่ภายหลังการเสก หาความรู้ใส่ตน
ท่านอธิบายว่า การสวดพระคาถาแต่ละบท ท่านสวดด้วยความเคารพและตั้งใจ ที่สำคัญคือของตรงหน้าท่านทั้งหมด ครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นพรหมบ้าง เป็นเทพบ้างมากันครบถ้วน และลงมือเสกของไปพร้อมกับท่าน จนทั้งหมดล้วน
ศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพสมบูรณ์เต็มก่อนที่ท่านจะสวดจบด้วยซ้ำ ผมได้แต่ร้อง “โอ้โฮ…”
จากนั้นท่านก็เอื้อมมือไปจับถุงพลาสติกหูหิ้ว อย่างที่เรียกกันว่า ถุงก๊อบ แก๊บใบเขื่อง ซึ่งใส่กล่องกระดาษบรรจุพระเครื่องในพิธีถุงหนึ่ง ขยับนิ้วไปมาพลางว่า
“นี่! เห็นไหมถุงนี่ อย่าทิ้งนะ เอาไปตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แจกให้เด็กๆ แขวนคอ หมากัดไม่เข้านะ ป้องกันอันตรายได้หมด ถุงกับกล่องในพิธีนี้เอาไปแขวนแทนพระได้ ครูบาอาจารย์เสกให้หมดแล้ว หลวงปู่ก็เสกด้วย ไม่ได้เสกให้เฉพาะของในกล่องนะ” คราวนี้ไม่มีเสียงร้อง แต่อ้าปากหมด
เพราะผมไม่เชื่อว่าหลวงปู่จะมุสา จึงประทับใจและอัศจรรย์ในวิชาอาคม ที่ท่านร่ำเรียนมาบวกกับเคยเห็นอภินิหารท่านมาก่อน เลยเชื่อท่านจริงจัง
จากนั้นท่านเมตตาสอนวิธีการใช้ปากกาด้ามครู คือปากกาที่ท่านจารไว้ให้นั่นแหละ ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังเผื่อท่านที่มีวาสนาได้ครอบครอง แต่ไม่รู้วิธีใช้ ทว่าก่อนรู้การใช้ โปรดรู้ข้อห้ามก่อนว่าหลวงปู่ห้ามดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ถ้าเคยดื่มก่อนมาเป็นศิษย์ ก่อนมาถือของๆ ท่าน กรุณาเลิกให้เด็ดขาด
หากท่านถือของหลวงปู่อยู่แล้วไปดื่มสุรา โปรดทราบว่าเสื่อมสนิท ทำอย่างไรก็ไม่ขลัง บางท่านใช้วิธีถอดไว้บ้านแล้วไปดื่ม หลวงปู่บอกว่า “เสื่อมอยู่ที่บ้านนั่นแหละ”
เรียกว่าห้ามเด็ดขาด ทีนี้ถ้าเสื่อมแล้ว หลวงปู่บอกว่า หมดทางจะต่อกันติด ขอขมาอย่างไรก็ไม่ได้จงเลิกแขวนเสีย เพราะถ้าไปเกิดอันตราย ของท่านไม่อาจคุ้มกันได้เลย อีกเรื่องหนึ่งคือ ท่านห้ามผิดลูกเมียใคร เด็ดขาดละเอียดไปถึงไม่ให้เที่ยวสถานบริการทีเดียว ท่านถามผมว่า “ เรารู้เหรอว่าเขาไม่มีผัวน่ะ ” ….. โปรดจำให้มั่น
ในกรณีที่เสื่อมจากเราแล้ว นำไปมอบให้คนไม่ดื่มสุราได้ คงขลังดุจเดิม ท่านว่าเสื่อมกับเฉพาะคนไม่ถือคำห้ามเท่านั้น ใครถือคำได้ของก็ขลังกับคนที่ถือ
ต่อไปนี่คือคุณวิเศษ 8 ประการ ในปากกาด้ามครูทุกด้าม ดังนี้
1. ก่อนอาราธนาวัตถุมงคล ใด ๆ กรุณาจำคาถาศักดิ์สิทธิ์ 3 คำนี้ ให้ขึ้นใจ ‘นะเมติ’
2.เมื่อทำกิจใดแล้วมีอุปสรรคขัดข้องให้เอาปากกาออกมาถือแกว่งไปมาพร้อมท่องคาถา นะเมติ’ และนึกอธิษฐานในสิ่งที่ต้องการอุปสรรคทั้งปวงจะหายไปหลวงปู่รับรองความศักดิ์สิทธิ์ ขนาดว่าคนถือปืนจะยิงเรานี่ มือตกยิงเราไม่ได้ เราสามารถเดินไปเก็บปืนจากมือได้เลย
3. ถ้าถูกศัตรูล้อมแม้จะหนีออกมา ให้เอาปากกาวางบนศีรษะ ท่อง ‘นะเมติ’ ระลึกถึงหลวงปู่ให้แน่วแน่ จะเป็นมหากำบังคนมองไม่เห็นตัวแหวกวงล้อมออกมาได้
4. หากต้องการน้ำมนต์ ให้จุดธูป 3 ดอก และเทียน 1 คู่ ผมถามว่าถ้าไม่มี ใช้เทียนเล่มเดียวได้ไหม ท่านว่า “ไม่ได้” ย้ำว่า 1 คู่ “เพราะตาคนมี 2 ตาถ้าตาเดียวก็มองไม่ถนัดใช่ไหม” จากนั้นตั้งนะโม 3 จบ เอาปากกาวางบนปากขันหรือภาชนะที่ใส่น้ำมนต์ ถ้าภาชนะใหญ่ จะวางข้างๆก็ได้ และท่อง ‘นะเมติ’ 9 จบ ถ้ามีเวลาท่องให้ได้ 108 จบยิ่งดี รอจนธูปหมดดอก หรือสักพักหนึ่งจึงขอน้ำมนต์มาใช้ได้ ท่านบอกว่า “ครูบาอาจารย์จะมาทำให้ศักดิ์สิทธิ์ม้าก มาก”
ท่านยังบอกอีกว่า หากภาชนะใส่น้ำมนต์มีจำนวนมากก็ไม่เป็นไร เอามาตั้งไว้ใกล้ๆ กับเทียน 1 คู่นั้น ไม่ว่าจะมีกี่ขันกี่ตุ่มในบริเวณนั้น เมื่อแสงเทียนส่องรัศมี คลอบคลุมไปสิ้นสุดตรงไหน น้ำที่อยู่ในรัศมีความสว่างนั้นจะเป็นน้ำมนต์ทรงอานุภาพทั้งหมด
5. ถ้าจะทำของขลังแจกเพื่อน หรือลูกหลาน เช่นเราจะแจกวัตถุมงคลแก่ทหาร หลวงปู่บอกว่าให้หาปากกามาเป็นพลาสติกหรือโลหะได้ทั้งนั้น จากนั้นเอาปากกาด้ามครูมัดติดกับปากกาที่จะทำ เช่น ทหารมีจำนวน 1 ล้านคน ก็เอาปากกา 1 ล้านด้าม มัดให้ติดกัน เอาปากกาด้ามครูวางทับข้างบนสวด ‘นะเมติ’ ให้ได้ 108 จบ ห้ามขาดเมื่อท่องจบปากกา 1 ล้านด้ามนั้น จะมีอานุภาพเป็นมหาอุดแคล้วคลาด ล่องหน คงกระพัน โชคลาภ ฯลฯ แล้วแต่จะปรารถนา ดุจเดียวกับด้ามครูทุกประการ แต่จะเอาปากกาด้าม ‘ต่อ’ มานั้นไป ‘ต่อ’ ด้ามอื่นๆ อีกไม่ได้ คงขลังอยู่เฉพาะตัวเอง เท่านั้น
6. หลวงปู่บอกว่า ปากกาทั้งด้ามครูและด้ามต่อนั้น ท่านอธิษฐานให้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ได้ 500 ปี จึงเสื่อมหรือถ้าละลายเป็นน้ำ (ด้วยตัวมันเอง) เมื่อไรจึงเสื่อม
7. ถ้ามีเรื่องทุกข์ใจหนัก ต้องการถามเทวดาที่รักษาปากกา ให้ตั้งขันธ์ 5 มีดอกไม้ขาว 5 ดอก ธูป 5 ดอก เทียน 5 เล่ม ผ้าสบง 1 ผืน เอาปากกาวางบนพาน ปูผ้าขาวท่องนะเมติไปเรื่อย จนกว่าปากกาในพานจะลุกขึ้นตั้งได้เอง จากนั้นเราจะถามสิ่งใด ปากกาจะตอบเราหมดสิ้น เป็นไปด้วยอำนาจครูบาอาจารย์ที่มาสงเคราะห์เรา หลวงปู่ย้ำว่า “เป็นไปได้จริงๆ ไม่โกหก มีคนทำได้ผลมาแล้ว แต่อย่าทดลองทำเล่นนะ”
8. ปากกาด้ามครูหมึกหมด ก็เปลี่ยนไส้ปากกาได้ อานุภาพยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นี่คือคุณสมบัติ 8 ประการของปากกาด้ามครู วัตถุมหัศจรรย์ของหลวงปู่หงษ์ ซึ่งท่านสอนผมด้วยองค์ท่านเอง และในบางข้อผมได้ทำด้วยตนเองเพราะความจำเป็นมาแล้ว ปรากฏผลเห็นจริง มีคำรับรองของท่าน ผมจึงเสื่อมใสและผูกพันกับหลวงปู่หงษ์มากด้วย เห็นว่าท่านพูดจริงเป็นที่พึ่งได้จริง
สำคัญที่ถือข้อห้ามให้มั่น และอย่าเอามาทดลอง อย่าเอามาทำเป็นเล่นเชิงปรามาส ของจะไม่แสดงอานุภาพ ท่านว่าคับขันเมื่อไรค่อยใช้จะได้เห็นเอง
ผมเคยถามหลวงปู่ว่าวัตถุมงคลที่เป็นสุดยอดวิชาของหลวงปู่คืออะไร ด้วยเห็นท่านเรียนมาถึง 160 อาจารย์ ซ้ำยังเป็นวิชาแปลกประหลาดน่าทึ่งทั้งนั้น แรกถามคาดว่าคงเป็นตะกรุดชุด 12 ดอกอันลือลั่น แต่ท่านตอบชัดเจน
“ปากกา”
นี่แหละครับ ของธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ของที่หาได้ทั่วไปแต่ไม่อาจหาได้ทั่วไป เช่นเดียวกับเพชรลูกที่ยังไม่ได้เจียระไน แม้เกลื่อนธรณีอยู่ก็หารู้ค่าไม่ ทว่าผ่านกระบวนการแล้วเสร็จเมื่อใด กลับเป็นของสูงค่า หาได้ยากทันที
ท่านใดที่มีปากกาหรือวัตถุมงคลของหลวงปู่หงษ์อยู่ โปรดรักษาให้เท่าชีวิตดังคำหลวงปู่กล่าวเถิด เมื่อถึงคราวจำเป็นจะช่วยท่านได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจนักเทียว
ขอหลวงปู่แผ่บารมีคุ้มครองทุกท่าน ด้วยเทอญ…
สาธุ สาธุ สาธุ
◆ วิชาโชคลาภมหาเศรษฐี...เป็นวิชาที่ หลวงปู่หาคนมาเรียนสืบทอดไม่ได้( ปี 53 - 56) วิชานี้หากเรียนสำเร็จ อุปมาเปรียบคนนั้นเป็นเทพแห่งโชคลาภมหาเศรษฐี เงินทองจะมาจากการเสี่ยงโชคและเงินที่เก็บไว้จะเพิ่มจำนวนเองแต่ผู้นั้นห้ามจับเงินนั้นต้องให้คนอื่นทำแทนไปตลอดชีวิต ผู้เรียนจะเป็นชายหรือหญิงก็ได้ มีอายุอยู่ในช่วง ๒๐ - ๔๐ ปี เมื่อผู้เรียนนำเงินทองไปช่วยครอบครัวเราจนสุขสบายร่ำรวย จากนั้นผู้เรียนจึงนำถวายให้สงฆ์เท่านั้นนำเงินไปสร้างวัดให้ ตนตามกฎวิชาคือวัดมีกำแพงล้อม ๓ ชั้น สร้างพระใหญ่หน้าตัก ๒ เส้น คือ ๔๐ วา ไต้ฐานพระชั้นล่างเป็นกุฏิพระเป็นร้อยๆ ห้อง สร้างปราสาทเทพพระศรีอารย์ สูง ๕ ชั้น คนอยู่ปฏิบัติธรรมได้แสนคนบนสุดเป็นพระเจดีย์ บริเวณวัดให้สระน้ำขนาดใหญ่ ปลูกพืชผักผลไม้ในวัดจนพอให้คนนับแสน ใช้ถวายพระเลี้ยงคนได้ครบหมด ก็จัดฉลองสมโภชวัดวาอารามบูชาครูบาอาจารย์แล้วจึงตั้งใจรักษาศีล ๘ อยู่วัดไปตลอดชีวิต เป็นวิชาที่ 2 ของหลวงปู่ที่ไม่มีศิษย์สืบทอดไห้คงอยู่ เหลืองเพียงบันทึกเรื่องเล่าไว้เท่านั้น